Balanced XLR Cable / สายสัญญาณ XLR

 

สายสัญญาณ XLR (สายเสียง สายไมค์) คืออะไร

 

สายสัญญาณ XLR ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในอุตสาหกรรมเสียงระดับมืออาชีพ ด้วยการออกแบบที่ประณีตและเหมาะสมสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย สาย XLR มอบคุณภาพเสียงที่ชัดเจนและปราศจากการรบกวน ทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสียงระดับสูง เช่น ไมโครโฟน, อุปกรณ์ในสตูดิโอ, เครื่องมิกซ์เสียง และระบบเสียง PA.

คำว่า "XLR" ไม่ได้ย่อมาจากคำใดคำหนึ่งโดยตรง แต่เป็นชื่อที่ใช้เรียกประเภทของคอนเนคเตอร์และสายเชื่อมต่อที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมเสียงมืออาชีพ ชื่อ "XLR" มาจากชื่อของคอนเนคเตอร์แบบหนึ่งที่พัฒนาโดยบริษัท Cannon Electric ในช่วงปลายทศวรรษ 1950

คอนเนคเตอร์ XLR (ที่รู้จักในชื่อ Cannon plug และ Cannon connector) ถูกคิดค้นโดย James H. Cannon, ผู้ก่อตั้งบริษัท Cannon Electric ที่ลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย คอนเนคเตอร์ XLR มีที่มาจากซีรีส์ X ของคอนเนคเตอร์ Cannon; โดยในปี 1950 มีการเพิ่มกลไกล็อคให้กับคอนเนคเตอร์ ซึ่งผลิตขึ้นมาเป็นรุ่น Cannon XL และในปี 1955 คอนเนคเตอร์หญิงมีฉนวนทำจากยางสังเคราะห์โพลีคลอโรพรีน (นีโอพรีน) ซึ่งมีรหัสชิ้นส่วนขึ้นต้นด้วย XLR นอกจากนี้ยังมีซีรีส์ XLP ของคอนเนคเตอร์ที่ใช้ฉนวนพลาสติกแข็ง แต่ชื่อรุ่น XLR มักถูกใช้เรียกสำหรับทุกแบบ

ในต้นกำเนิด บริษัท ITT Cannon ผลิตคอนเนคเตอร์ XLR ที่สองสถานที่คือ จังหวัดคานางาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย โรงงานในออสเตรเลียถูกขายให้กับบริษัท Alcatel Components ในปี 1992 และต่อมาถูกบริษัท Amphenol ซื้อไปในปี 1998 หลังจากนั้น บริษัท Switchcraft ได้ผลิตคอนเนคเตอร์ที่เข้ากันได้ ตามด้วยบริษัท Neutrik ซึ่งได้ทำการปรับปรุงคอนเนคเตอร์และผลิตดีไซน์รุ่นที่สอง (ซีรีส์ X) ที่มีส่วนประกอบเพียงสี่ส่วนสำหรับคอนเนคเตอร์สาย และลบการใช้สกรูขนาดเล็กออกจากรุ่นคอนเนคเตอร์ XLR ที่ผลิตโดย Cannon และ Switchcraft รวมถึงซีรีส์ก่อนหน้าของ Neutrik.

       

 

ตัว "X" ใน "XLR" หมายถึง Cannon's X series ซึ่งเป็นรุ่นคอนเนคเตอร์ที่มีกลไกล็อคแบบต้นฉบับ "L" หมายถึง Latch ซึ่งเป็นกลไกล็อคที่ถูกเพิ่มเข้ามาในการออกแบบภายหลัง เพื่อให้การเชื่อมต่อมีความปลอดภัยมากขึ้น "R" หมายถึง Rubber, ซึ่งหมายถึงการเพิ่มส่วนยางรอบๆ คอนเนคเตอร์เพื่อให้มีความทนทานและป้องกันการรบกวนจากการสั่นสะเทือน

ดังนั้น "XLR" จึงไม่ได้เป็นคำย่อที่มาจากคำเต็มใดๆ แต่เป็นชื่อที่ใช้เรียกประเภทของคอนเนคเตอร์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะเหล่านี้ และต่อมากลายเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสียงมืออาชีพ.

คุณสมบัติหลักและข้อดีของสายสัญญาณ XLR:

  1. การออกแบบแบบ Balanced: สาย XLR ประกอบด้วยสาย Ground, ขั้วบวก (Hot) และขั้วลบ (Cold) ทำให้สามารถหักล้างสัญญาณรบกวนจากภายนอกได้ เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด ชัดเจน และมีระดับ Noise ต่ำ.
  2. ความแรงของสัญญาณ: ด้วยความแรงของสัญญาณที่ +4dBv ทำให้สายสัญญาณแบบ Balanced ช่วยให้สัญญาณสามารถเดินทางได้ไกลโดยลดการสูญเสียจาก Impedance.
  3. ความทนทาน: ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หนักหน่วง ทำให้สาย XLR เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เช่น ในสตูดิโอ, การแสดงสด และการติดตั้งเสียงภายในอาคาร.

การใช้งานในสถานการณ์จริง:

สาย XLR มักถูกใช้ในสตูดิโออัดเสียงที่ต้องการคุณภาพเสียงที่สูงและปราศจากการรบกวน ตัวอย่างเช่น วิศวกรเสียงมืออาชีพมักเลือกใช้สาย XLR ในการบันทึกเสียงร้องหรือเครื่องดนตรีเพื่อรักษาความแม่นยำและความสมจริงของเสียง. ในการแสดงสด, สาย XLR ช่วยให้สัญญาณเสียงสามารถถ่ายโอนจากไมโครโฟนไปยังเครื่องขยายเสียงหรือมิกเซอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่สูญเสียคุณภาพเสียง แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีรบกวนสูง.

การเปรียบเทียบกับสายสัญญาณอื่นๆ:

เมื่อเปรียบเทียบกับสายสัญญาณ Unbalanced ที่ใช้ในอุปกรณ์เสียงขนาดเล็กหรือการใช้งานที่บ้าน, สาย XLR มอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าในแง่ของความสามารถในการลดรบกวนและระยะการเดินสายที่ยาวขึ้น. นอกจากนี้, สาย Balanced ยังมีในรูปแบบหัวแจ็คแบบ TRS ซึ่งเหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่ต้องการการเชื่อมต่อแบบสเตอริโอ โดยมีทั้งขนาด 1/4 นิ้วและ 1/8 นิ้วสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย.

การเลือกใช้สาย XLR ในการตั้งค่าเสียงระดับมืออาชีพไม่เพียงแต่ช่วยให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่ยังรับประกันถึงความทนทานและความเสถียรในการเชื่อมต่อ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ไว้วางใจได้สำหรับวิศวกรเสียงและมืออาชีพในอุตสาหกรรมเสียงทั่วโลก.

คุณสมบัติทางเทคนิคและการใช้งาน

  1. ประกอบด้วย 3 สาย: สายสัญญาณ XLR ประกอบด้วยสาย Ground, ขั้วบวก + (Hot) และขั้วลบ - (Cold). สาย Ground ทำหน้าที่ป้องกันสัญญาณรบกวน, ขณะที่ขั้วบวกและขั้วลบนำสัญญาณเดียวกันแต่กลับขั้วกันเพื่อช่วยหักล้างสัญญาณรบกวนที่อาจเข้ามา, ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ชัดเจนและมีระดับ Noise ต่ำ.
  2. สัญญาณแบบ Balanced: มีความแรงของสัญญาณที่ +4dBv, ซึ่งมากกว่าสายประเภท Unbalanced ช่วยให้สัญญาณเดินทางได้ไกลขึ้นโดยลดการสูญเสียที่เกิดจาก Impedance.
  3. การใช้งานระดับมืออาชีพ: สาย XLR นิยมใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครื่องเสียงเช่นไมโครโฟน, อุปกรณ์ในสตูดิโอ, เครื่องมิกซ์เสียง, หรือระบบเสียง PA เนื่องจากคุณภาพเสียงที่สูงและความสามารถในการเดินสายได้ยาว.
  4. การเชื่อมต่อแบบอื่นๆ: นอกเหนือจากสาย XLR, สายสัญญาณ Balanced ยังมีในรูปแบบหัวแจ็คแบบ TRS (Tip, Ring, Sleeve) ซึ่งใช้สำหรับรับส่งสัญญาณแบบสเตอริโอ มีทั้งขนาด 1/4 นิ้วและ 1/8 นิ้ว นิยมใช้กับหูฟัง, อินเตอร์เฟซเสียง, และอุปกรณ์เสียงอื่นๆ ที่ต้องการการเชื่อมต่อที่เสถียรและคุณภาพเสียงที่ดี.

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเหล่านี้, สาย XLR จึงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์พื้นฐานและจำเป็นในระบบเสียงระดับมืออาชีพ ทั้งในสตูดิโอ, การแสดงสด, และการติดตั้งเสียงภายในอาคารต่างๆ ทำให้มันเป็นสายเชื่อมต่อที่ไม่สามารถขาดได้ในอุตสาหกรรมเสียง.

 

ภาพตัวอย่างสาย XLR

DIVAAUDIO MIC-5M-XLR (D) | สายไมค์ สายสัญญาณ ขั่วต่อ XLR ความยาว 5 เมตร
 

DIVAAUDIO MIC-5M-XLR (D) | สายไมค์ สายสัญญาณ ขั่วต่อ XLR ความยาว 5 เมตร

สายไมโครโฟน สายสัญญาณ สาย XLR(Female) to XLR(Male) สำเร็จรูปง่ายต่อการใช้งาน ความยาว 5 เมตร 

 

DIVAAUDIO MIC-10M-XLR (D) | สายไมค์ สายสัญญาณ ขั่วต่อ XLR ความยาว 10 เมตร
 

DIVAAUDIO MIC-10M-XLR (D) | สายไมค์ สายสัญญาณ ขั่วต่อ XLR ความยาว 10 เมตร

สายไมโครโฟน สายสัญญาณ สาย XLR(Female) to XLR(Male) สำเร็จรูปง่ายต่อการใช้งาน ความยาว 10 เมตร 

DIVAAUDIO MIC-20M-XLR (D) สายไมค์ สายสัญญาณ ขั่วต่อ XLR  ความยาว 20 เมตร
 

DIVAAUDIO MIC-20M-XLR (D) | สายไมค์ สายสัญญาณ ขั่วต่อ XLR ความยาว 20 เมตร

สายไมโครโฟน สายสัญญาณ สาย XLR(Female) to XLR(Male) สำเร็จรูปง่ายต่อการใช้งาน ความยาว 20 เมตร 

 

สายชนิดต่างๆ กดดูได้ด้านล่างครับ

 

หรือติดต่อ
Line : @audiocity หรือกดลิ้งค์

สอบถามข้อมูล 

Tel: 02-991-8600086-514-5515

Line : @audiocity หรือกดลิ้งค์
Facebook : Audiocity.th

Email : [email protected]

Website : www.audiocity.co.th
Youtube : Audiocity